ในวงการพลังงานนั้นพลังงานไฟฟ้าได้มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการผลิตไฟฟ้านั้นมาจาก โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน ซึ่งอยู่ก้ำกึงระหว่าง นวัตกรรมที่พาโลกให้ก้าวหน้า หรือส่งผลต่อเรื่องของความยั่งยืนที่มีต่อโลกใบนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินนับว่าเป็นกระดูกสันหลังแห่งวงการไฟฟ้าด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามก็ตอนนี้เรากำลังเผชิญกับคำถามและความสงสัยมากมายจากหลายคน เนื่องจากความกังวลในเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะหาทางออกให้กับปัญหานี้ แหล่งพลังงานหมุนเวียนจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ถูกเสนอขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้
บทบาทและผลกระทบของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน
โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินเป็นส่วนสำคัญของรากฐานด้านพลังงานที่อยู่กับคนเรามาอย่างยาวนาน โดยได้ผลิตพลังงานไฟฟ้าอย่างมหาศาล ซึ่งมีส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมทั่วโลกนั้นเติบโต หรือในภาคครัวเรือนได้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต แต่ถึงประโยชน์จะมีมากมายขนาดไหน เราจำเป็นต้องนำความจริงมากางแล้วหาทางออก เนื่องจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มาจากโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินนี้มีมากอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเรื่องนี้นำไปสู่การถกเถียงในประเด็นนี้ไปทั่วโลก เพื่อร่วมกันหารือและหาทางออก
ความกังวลหลัก ๆ ที่เกิดจากโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินนี้คือ ของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตไฟฟ้านี้ นั่นคือก๊าซเรือนกระจกปริมาณมหาศาลที่ถูกปล่อยออกมา เนื่องจากการเผาไหม้ถ่านหินนั้นเป็นกระบวนการที่ผลิตไฟฟ้าและมีของเสียออกมาเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งที่เป็นสาเหตุของเรื่อง Climate Change
ความท้าทายของการเปลี่ยนแปลง
การปฏิรูปอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินนั้น เป็นความท้าทายครั้งใหญ่และโอกาสแห่งความยั่งยืนให้กับคนทั่วโลก เพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีที่พัฒนา ดีมานด์พลังงานไฟฟ้าในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และความตั้งใจของผู้คนที่จะหาแนวทางที่ยั่งยืน และในขณะเดียวกันก็ยังรองรับการเติบโตที่ต้องใช้ไฟฟ้าฟ้ามหาศาล สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย อย่างไรก็ตาม หากก้าวผ่านจุดนี้ไปได้ ประโยชน์ที่มนุษยชาติจะได้รับ ก็ไม่ใช่น้อย ๆ เช่นกัน
เส้นทางสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน
การปรับตัวของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ทั้งการที่จะมีการนำพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ แบ่งเป็นสัดส่วนไว้ไปรวมกับพลังงานไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานความร้อนไต้ดิน เพราะว่าแหล่งพลังงานเหล่านี้ นำไปสู่ความยั่งยืน
เรื่องที่น่าสนใจคือว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืนนั้น ไม่ได้หมายความว่า บทบาทของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินจะหมดลง เพราะเอาเข้าจริงแล้วก็ยังมีกลุ่มคนที่ได้พัฒนาการใช้ประโยชน์จากถ่านหินโดยใช้วิธีที่เกิดของเสียน้อยกว่า
เทคโนโลยีที่ว่าอย่างเช่น การดักจับและกักเก็บคาร์บอน มีชื่ออังกฤษว่า Carbon capture and storage ซึ่งคือการดักดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการเผาไหม้ถ่านหิน และจัดเก็บก๊าซที่ไม่ต้องการไว้ใต้ดิน เพื่อเป็นการป้องกันก๊าซเหล่านี้จะไปสร้างผลกระทบให้โลกร้อน
บทสรุป
ในวงการของพลังงานที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินถือว่าอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถึงแม้ว่าข้อครหานั้นจะเกิดอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ก็นับเป็นความท้าทายและโอกาสในการที่มนุษย์จะเริ่มสนใสจสิ่งแวดล้อม และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยให้การพัฒนาของมนุษยชาติเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และในขณะเดียวกันก็ยังมอบความยั่งยืนให้แก่โลกใบนี้ด้วย